PRM
24 เมษายน 2567 16:35
7.65 บาท
เปลี่ยนแปลง (% เปลี่ยนแปลง)
-0.10(-1.29%)
ปริมาณซื้อขาย (หุ้น)
13,431,950
มูลค่าการซื้อขาย ('000 บาท)
103,241
หน่วย:ล้านบาท
สินทรัพย์รวม
รายได้จากการให้บริการ
กำไรสุทธิ
ดาวน์โหลดเอกสารนักลงทุน
แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี (แบบ 56-1 One Report) ปี 2566
รายงานประจำปี ปี 2563
Financial Statement ปี 2566
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯ ให้บริการขนส่งและจัดเก็บสินค้า ทางเรือให้กับลูกค้าตามความต้องการอย่างครบวงจร รวมถึงการให้บริการเรือขนส่งและสนับสนุนปฎิบัติการทางทะเล และการบริหารจัดการเรือ

บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) บริษัทย่อย บริษัทร่วม และกิจการร่วมค้า (“กลุ่มบริษัทฯ”) ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว (“สินค้า”) ทางเรือ การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการเรือ (Ship Management) ทั้งนี้ ธุรกิจด้านเรือขนส่งของบริษัทฯ มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2530 จากการจัดตั้งบริษัท นทลิน จำกัด (“นทลิน”) ขึ้น เพื่อให้บริการขนส่งสินค้าประเภทน้ำมันสำเร็จรูปให้แก่ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว ในเวลาต่อมา

ต่อมา เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550 นทลิน ได้ก่อตั้งบริษัท นทลิน ออฟชอร์ จำกัด ขึ้น และได้ขยายธุรกิจไปยังธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมีเหลว ได้แก่ ธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป (Floating Storage Unit) ธุรกิจเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore Support Vessel) และ ธุรกิจบริหารจัดการเรือ (Ship Management Services)

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2558 บริษัท นทลิน ออฟชอร์ จำกัด ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท พริมา มารีน จำกัด และมีการปรับโครงสร้างบริษัท เพื่อให้เป็นบริษัทหลัก (Flagship Company) และรวมบริษัทและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการให้บริการขนส่งและจัดเก็บสินค้าทางเรือ การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการเรือ (Ship Management) มาอยู่ภายใต้บริษัทฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในเชิงธุรกิจ รวมถึงสร้างความหลากหลายในการให้บริการ และความสามารถในการแข่งขัน

ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯ ให้บริการขนส่งและจัดเก็บสินค้า ทางเรือให้กับลูกค้าตามความต้องการอย่างครบวงจร รวมถึงการให้บริการเรือขนส่งและสนับสนุนปฎิบัติการทางทะเล และการบริหารจัดการเรือ ซึ่งการให้บริการของกลุ่มบริษัทฯ เป็นหัวใจสำคัญในห่วงโซ่อุปทาน (Supply and Value Chain) ของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี และด้วยความใส่ใจในคุณภาพและมาตรฐานของการให้บริการ กลุ่มบริษัทฯ จึงได้รับความไว้วางใจในการบริการลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ทุนจดทะเบียน

2,500 ล้านบาท

จัดตั้งขึ้น

30+ ปี

พริมา มารีน

ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการที่สำคัญของกลุ่มบริษัทฯ

2530
2532
2533
2535
2539
2544
2546
2547
2550
2551
2553
2554
2555
2556
2558
2559
2560
2561
2562
2563
2564
2565
ก่อนหน้า
ถัดไป

นทลินก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2530 ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท โดยเริ่มธุรกิจด้วยเรือ 2 ลำ ขนาดประมาณ 1,000 DWT เพื่อให้บริการขนส่งสินค้าประเภทน้ำมันสำเร็จรูปให้แก่ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปัจจุบัน คือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (“ปตท.”)) และบริษัท สยามสหบริการ จำกัด (ปัจจุบัน คือ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน)) ในเส้นทางระหว่างศรีราชาและกรุงเทพฯ เป็นหลัก

2530

นทลินได้ขยายการให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ ด้วยเรือสยามนที เพื่อขนส่งน้ำมันเครื่องบิน เจ.พี. 1 ให้แก่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ในเส้นทางศรีราชา – คลังปิโตรเลียม สงขลา แทนการขนส่งทางรถไฟเป็นครั้งแรก

2532

นทลินได้ขยายกำลังการขนส่งและเส้นทางการขนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อขนส่งน้ำมัน คอนเดนเสท และน้ำมันชนิดอื่นๆ ให้แก่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ในเส้นทางระหว่างคลังปิโตรเลียมส่วนกลาง แท่นผลิตก๊าซเอราวัณ คลังปิโตรเลียมสงขลา และคลังปิโตรเลียมศรีราชา

2533

นทลินได้ขยายธุรกิจเรือขนส่งฯ ไปยังเส้นทางระหว่างประเทศเป็นครั้งแรก จากประเทศไทยไปยังภูมิภาคใกล้เคียง เช่น ประเทศกัมพูชา เป็นต้น

2535
  • เนื่องด้วยนทลินได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ในวงการน้ำมัน ในด้านมาตรฐานและคุณภาพของการให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ ส่งผลให้นทลินสามารถขยายธุรกิจเรือขนส่งฯ อย่างต่อเนื่อง โดย NTL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของนทลินในขณะนั้น ได้เข้าทำสัญญาขนส่งสินค้าแก่ ปตท. ฉบับแรก
  • ต่อมา NTL ได้เริ่มขนส่งสินค้าให้แก่บริษัท น้ำมันคาลเท็กซ์ (ไทย) จำกัด (ปัจจุบัน คือ บริษัท เชฟรอน (ประเทศไทย) จำกัด) เพื่อให้บริการขนส่งสินค้า ในเส้นทางระหว่างระยองและจุดหมายปลายทางตามที่ลูกค้ากำหนด
2539

ต่อมา นทลินได้จัดตั้ง NMC เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2544 ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท เพื่อขยายธุรกิจบริหารเรือให้แก่บริษัทในกลุ่มบริษัทฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการขนส่งทางเรือแก่ลูกค้า

2544

บริษัท คุณนที จำกัด/1 ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของนทลินในขณะนั้น ได้ซื้อเรือ Aframax ลำแรก ชื่อ Sriracha Energy ขนาดประมาณ 90,000 DWT เพื่อใช้สำหรับการขนส่งน้ำมันให้แก่ ปตท. และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (ปัจจุบัน คือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน))

หมายเหตุ:

/1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัท คุณนที จำกัด และ บริษัท กาญจนามารีน จำกัด ไม่ได้อยู่ภายใต้กลุ่มบริษัทฯ แล้ว และ ได้เปลี่ยนวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจและไม่ประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงกับกลุ่มบริษัทฯ

2546

นทลินขยายธุรกิจขนส่งฯ ไปยังธุรกิจขนส่งสินค้าประเภทปิโตรเคมีเหลว โดยบริษัท กาญจนามารีน จำกัด/1 ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของนทลินในขณะนั้น ได้ให้บริการขนส่งสินค้าประเภทปิโตรเคมีแก่บริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ ในเส้นทางระหว่างประเทศไทย และเมืองท่าต่าง ๆ ของประเทศจีนเป็นหลัก

หมายเหตุ:

/1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัท คุณนที จำกัด และ บริษัท กาญจนามารีน จำกัด ไม่ได้อยู่ภายใต้กลุ่มบริษัทฯ แล้ว และ ได้เปลี่ยนวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจและไม่ประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงกับกลุ่มบริษัทฯ

2547

นทลินได้จัดตั้งบริษัท นทลิน ออฟชอร์ จำกัด เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2550 ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท เพื่อเตรียมตัวในการเข้าสู่ธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU และธุรกิจเรือ Offshore

2550

บริษัท คุณนที จำกัด/1 ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของนทลิน ได้ซื้อเรือ Sriracha Trader/2 ขนาดประมาณ 48,000 DWT เข้ามาแทนเรือเดิมโดยปรับปรุงคุณภาพเพื่อให้บริการขนส่งสินค้าแก่ CEC เป็นครั้งแรก

หมายเหตุ:

/1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัท คุณนที จำกัด และ บริษัท กาญจนามารีน จำกัด ไม่ได้อยู่ภายใต้กลุ่มบริษัทฯ แล้ว และ ได้เปลี่ยนวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจและไม่ประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงกับกลุ่มบริษัทฯ

/2 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 เรือดังกล่าวมิได้เป็นทรัพย์สินของกลุ่มบริษัทฯ เนื่องจากได้จำหน่ายให้บริษัทอื่น ภายนอกกลุ่มไปแล้ว

2551
  • นทลินขยายกองเรือขนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัท คุณนที จำกัด/1 เข้าลงทุนในเรือขนส่ง คือ เรือ Sriracha Master/2 ขนาดประมาณ 90,000 DWT เพื่อให้บริการขนส่งสินค้าแก่ CEC
  • บริษัทฯ ขยายธุรกิจไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี โดยเริ่มเข้าทำธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU ด้วยเรือขนาด Very Large Crude Carrier (“VLCC”) ลำแรก คือ เรือ Titan Gemini (ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็นเรือ One Emerald) เพื่อให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปแก่บริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ในน่านน้ำมาเลเซีย
  • ต่อมา บริษัทฯ ได้ขยายกองเรือ FSU โดยได้นำเรือขนาด VLCC จำนวน 2 ลำ เพื่อให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปแก่บริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ในน่านน้ำมาเลเซีย

หมายเหตุ:

/1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัท คุณนที จำกัด และ บริษัท กาญจนามารีน จำกัด ไม่ได้อยู่ภายใต้กลุ่มบริษัทฯ แล้ว และ ได้เปลี่ยนวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจและไม่ประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงกับกลุ่มบริษัทฯ

/2 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 เรือดังกล่าวมิได้เป็นทรัพย์สินของกลุ่มบริษัทฯ เนื่องจากได้จำหน่ายให้บริษัทอื่น ภายนอกกลุ่มไปแล้ว

2553
  • นทลินขยายธุรกิจไปยังธุรกิจเรือ Offshore โดยบริษัท คุณนที จำกัด/1 เข้าทำธุรกิจเรือ FSO ด้วยเรือ FSO ลำแรก คือ เรือ Sriracha Trader/2 ขนาดประมาณ 48,000 DWT เพื่อให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบสำหรับแท่นขุดเจาะน้ำมันแก่ CEC ในน่านน้ำอ่าวไทย
  • บริษัทฯ เข้าลงทุนและเริ่มดำเนินธุรกิจเรือ AWB ซึ่งเป็นธุรกิจหนึ่งของธุรกิจเรือ Offshore โดยมีขนาดบรรจุได้ 300 คน เพื่อให้บริการขนส่งและที่พักอาศัยสำหรับพนักงานประจำแท่นขุดเจาะน้ำมันแก่บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (“ปตท.สผ.”) ในแหล่งขุดเจาะและสำรวจของ ปตท.สผ. เช่น แหล่งบงกช แหล่งอาทิตย์ เป็นต้น
  • นทลินได้จัดตั้ง NSSG (เดิมชื่อ Nathalin Offshore Pte. Ltd.) เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2554 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายธุรกิจไปยังประเทศสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลขนาดใหญ่ (Major Maritime Hub) ซึ่ง NSSG จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่ประเทศสิงคโปร์ ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000,000 สิงคโปร์ดอลลาร์

หมายเหตุ:

/1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัท คุณนที จำกัด และ บริษัท กาญจนามารีน จำกัด ไม่ได้อยู่ภายใต้กลุ่มบริษัทฯ แล้ว และ ได้เปลี่ยนวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจและไม่ประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงกับกลุ่มบริษัทฯ

/2 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 เรือดังกล่าวมิได้เป็นทรัพย์สินของกลุ่มบริษัทฯ เนื่องจากได้จำหน่ายให้บริษัทอื่น ภายนอกกลุ่มไปแล้ว

2554
  • บริษัทฯ เริ่มดำเนินธุรกิจเรือสนับสนุนลาก-จูง การจัดการสมอ (เรือ AHTs) ซึ่งเป็นธุรกิจประเภทหนึ่งของธุรกิจเรือ Offshore
  • นทลิน ขยายกองเรือ FSO อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัท คุณนที จำกัด/1 โดยลงทุนในเรือ Sriracha Eagle และเรือ Sriracha Leader/2 ขนาดประมาณ 95,000 และ 44,000 DWT ตามลำดับ โดยขนส่งและจัดเก็บสินค้าให้แก่ CEC ในน่านน้ำอ่าวไทย
  • เนื่องด้วยอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้นในความต้องการใช้บริการขนส่งและจัดเก็บสินค้าทางทะเล บริษัทฯ ได้ขยายกำลังการขนส่งและจัดเก็บสินค้าด้วยเรือ FSU โดยเรือ Fortune Star และ เรือ Amity Star ขนาด VLCC โดยขนส่งและจัดเก็บสินค้าให้แก่บริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ต่างชาติในน่านน้ำมาเลเซีย

หมายเหตุ:

/1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัท คุณนที จำกัด และ บริษัท กาญจนามารีน จำกัด ไม่ได้อยู่ภายใต้กลุ่มบริษัทฯ แล้ว และ ได้เปลี่ยนวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจและไม่ประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงกับกลุ่มบริษัทฯ

/2 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 เรือดังกล่าวมิได้เป็นทรัพย์สินของกลุ่มบริษัทฯ เนื่องจากได้จำหน่ายให้บริษัทอื่น ภายนอกกลุ่มไปแล้ว

2555
  • นทลิน ขยายกองเรือ FSU อย่างต่อเนื่อง โดยลงทุนในเรือ Energy Star ขนาด VLCC โดยขนส่งและจัดเก็บสินค้าให้แก่บริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ต่างชาติในน่านน้ำมาเลเซีย
  • นทลิน เล็งเห็นถึงความต้องการขนส่งน้ำมันที่เพิ่มมากขึ้น จึงจัดหาเรือขนส่ง ขนาด Aframax โดยเรือ Northern Pearl เพื่อให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ
2556
  • ต่อมา SHT ได้เข้าลงทุนในเรือ Jubilee Star ซึ่งเป็นเรือ FSU ขนาด VLCC โดยขนส่งและจัดเก็บสินค้าให้แก่บริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ต่างชาติในน่านน้ำมาเลเซีย
  • บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนและชำระแล้วเป็น 850,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 8,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โดยเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทฯ
  • เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2558 บริษัท นทลิน ออฟชอร์ จำกัด ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท พริมา มารีน จำกัด (“บริษัทฯ”)
2558
  • SHT ได้เข้าลงทุนในเรือ FSU อย่างต่อเนื่อง โดยเข้าลงทุนในเรือ Grace Star ขนาด VLCC โดยขนส่งและจัดเก็บสินค้าให้แก่บริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ในน่านน้ำมาเลเซีย
  • กลุ่มบริษัทฯ เล็งเห็นถึงความต้องการขนส่งน้ำมันที่เพิ่มมากขึ้น จึงจัดหาเรือขนส่ง ขนาด Aframax โดยเรือ Radiant Star เพื่อให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ
  • บริษัทฯ ปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทฯ เพื่อรวมธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการให้บริการขนส่งและจัดเก็บสินค้าทางเรือ การให้บริการเรือขนส่งและสนับสนุนปฏิบัติการทางทะเล และการบริหารจัดการเรือ (Ship Management) ของนทลิน มาอยู่ภายใต้บริษัทฯ โดยการซื้อหุ้นของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมจาก นทลิน และผู้ถือหุ้นเดิม และได้เพิ่มทุนจดทะเบียนและชำระแล้วเป็น 2,000,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 20,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โดยเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม
  • บริษัทฯ ซื้อหุ้น STC ร้อยละ 51 ของทุนที่ออกและชำระแล้ว จากผู้ถือหุ้นอื่น โดย STC ประกอบธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU
2559
  • บริษัทฯ แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน จำกัด และเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เป็น “บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน)” และดำเนินการเปลี่ยนมูลค่าที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 100 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท และออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 500,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชน เป็นผลให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 2,500,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 2,500,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
  • กลุ่มบริษัทฯ ได้รับมอบเรือ “ศรีดอนศักดิ์” และ “ศรีคีรีชาด” ซึ่งเป็นเรือขนาดเล็กในธุรกิจขนส่งน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว (“ธุรกิจเรือขนส่งฯ”) ขนาด 3,000 DWT
  • บริษัทฯ ร่วมทุนกับบริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) จัดตั้งบริษัทกิจการร่วมค้า ชื่อว่า บริษัท บงกช มารีน เซอร์วิส จำกัด จัดหาเรือ “บงกชสตาร์” เข้ามาประกอบธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บ ผลิตภัณฑ์ฯ (FSU) ซึ่งเป็นเรือลำแรกที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
  • บริษัทฯ เปิดทำการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นวันแรก (ชื่อย่อหลักทรัพย์ คือ PRM) ในวันที่ 14 กันยายน 2560
  • NTL เพิ่มทุนจดทะเบียน 200,000,000 บาท (จากเดิม 503,000,000 บาทเป็น 703,000,000 บาท) เพื่อรองรับการขยายกองเรือของบริษัทฯ
  • เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2560 NTL ลงนามในสัญญาจ้างต่อเรือใหม่ซึ่งเป็นเรือขนาดเล็กในธุรกิจขนส่งน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว (“ธุรกิจเรือขนส่งฯ”) ณ ประเทศจีน จากบริษัทซึ่งไม่ได้เป็น บุคคลเกี่ยวโยงกับบริษัทฯ โดย NTL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 99.9 ซึ่งเป็นเรือขนาด 3,000 DWT จำนวน 4 ลำ สำหรับขนส่งน้ำมันใส เพื่อขยายกองเรือและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจ
2560
  • กลุ่มบริษัทฯ ได้รับมอบเรือต่อใหม่ “ศรีกาญจนดิษฐ์” ซึ่งเป็นเรือขนาดเล็กในธุรกิจขนส่งน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว (“ธุรกิจเรือขนส่งฯ”) ขนาด 3,000 DWT เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของบริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ในประเทศในเดือนมกราคม
  • กลุ่มบริษัทฯ ขายเรือ “Northern Star” ซึ่งเป็นเรือขนาด VLCC ในธุรกิจขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป (“ธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU”) เพื่อปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่มีความผันผวน โดยมีการจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561
  • กลุ่มบริษัทฯ ลงนามเข้าทำรายการได้มาซึ่งทรัพย์สิน โดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดจำนวนทั้งสิ้น 360,000 หุ้นในบริษัท บิ๊ก ซี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจำกัดประกอบธุรกิจบริการขนส่งน้ำมันทางทะเลให้กับบริษัทน้ำมันในประเทศไทย ทั้งนี้ ได้แบ่งการเข้าซื้อหุ้นสามัญในช่วงที่ 1 กลุ่มบริษัทฯ ได้ทำการเข้าซื้อหุ้นสามัญคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ของหุ้นสามัญทั้งหมด หรือคิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 252,000 หุ้น รวมมูลค่า 1,400,000,000 บาท เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561
  • กลุ่มบริษัทฯ ขายเรือ “Amity Star” ซึ่งเป็นเรือขนาด VLCC ในธุรกิจขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป (“ธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU”) เพื่อปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่มีความผันผวน โดยมีการจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม 2561
  • กลุ่มบริษัทฯ ได้ซื้อและรับมอบเรือมือสอง “สิริพิพัฒน์” ซึ่งเป็นเรือขนาดเล็กในธุรกิจขนส่งน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว (“ธุรกิจเรือขนส่งฯ”) ขนาด 3,500 DWT เพื่อรองรับการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเหลวตามความต้องการของบริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ในประเทศในเดือนกรกฎาคม 2561
  • NTL เพิ่มทุนจดทะเบียน 250,000,000 บาท (จากเดิม 703,000,000 บาท เป็น 953,000,000 บาท) เพื่อเตรียมพร้อมการลงทุนในเรือต่อใหม่จำนวน 4 ลำ
  • กลุ่มบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ 4 ดาวหรือ “ดีมาก” ในโครงการสำรวจการกำกับดูและกิจการบริษัทจดทะเบียน ประจำปี 2561 (หรือ CGR 2018) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
2561
  • กลุ่มบริษัทฯ ได้รับมอบเรือต่อใหม่ ขนาด 3,000 DWT จำนวน 5 ลำ (ศรีสุราษฎร์ ศรีไชยา ศรีท่าเพชร ศรีพุนพิน และศรีพุมเรียง ตามลำดับ) และขนาด 5,300 DWT จำนวน 1 ลำ (BS106) ซึ่งเป็นเรือในธุรกิจเรือ ขนส่งฯ เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของบริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ในประเทศ ระหว่าง เดือนมกราคม – กันยายน 2562
  • กลุ่มบริษัทฯ ซื้อเรือขนาด VLCC ในธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU จำนวน 3 ลำ (Aquarius Star, Crystal Star และ Darin Star ตามลำดับ) เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในการกักเก็บน้ำมันดิบกำมะถัน ต่ำที่เพิ่มขึ้น ระหว่างเดือนมกราคม - สิงหาคม 2562
  • บริษัท เอ็น.ที.แอล. มารีน จำกัด เพิ่มทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท (จากเดิม 953,000,000 บาท เป็น 1,053,000,000 บาท) เพื่อลงทุนในเรือต่อใหม่ ตามแผนการลงทุนประจำปี 2562
  • บริษัท สิงหา แท็งเกอร์ จำกัด เพิ่มทุนจดทะเบียน 340,000,000 บาท (จากเดิม 622,000,000 บาท เป็น 962,000,000 บาท) เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
  • บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท บทด จำกัด จากผู้ถือหุ้นเดิม เพิ่มเติมอีกจำนวน 4,406,738 หุ้น หรือ ร้อยละ 6.62 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายได้ทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 43,359,552 บาท
  • กลุ่มบริษัทฯ ลงนามเข้าทำรายการได้มาซึ่งทรัพย์สิน โดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท บิ๊กซี จำกัด ในช่วงที่ 2 เพิ่มเติมจำนวนทั้งสิ้น 36,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 10 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท บิ๊กซี จำกัด ทำให้กลุ่มบริษัทฯ เข้าถือหุ้นสามัญในบริษัท บิ๊กซี จำกัด รวม 288,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 80 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท บิ๊กซี จำกัด รวมมูลค่า 1,687,953,608 บาท เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2562
  • กลุ่มบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ “ดีเลิศ” หรือ 5 ดาว จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน ประจำปี 2562 (หรือ CGR 2019) ของสมาคม ส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
  • เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 บริษัทฯ ได้รับการรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทย ในการต่อต้านทุจริต (“โครงการ CAC”) จากคณะกรรมการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้าน การทุจริต โดยการรับรองดังกล่าวมีอายุ 3 ปี
  • บริษัท ออร์ชาร์ด นาวี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ดำเนินการชำระบัญชีเพื่อปิดกิจการแล้วเสร็จ เนื่องจาก ไม่มีการประกอบธุรกิจภายใน
  • บริษัท ศรีไทย แคปปิตอล จำกัด ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้า ดำเนินการชำระบัญชีเพื่อปิดกิจการแล้วเสร็จ เนื่องจาก หมดระยะสัญญาโครงการ
2562
  • บริษัท เอ็น.ที.แอล. มารีน จำกัด เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 147,000,000 บาท (จากเดิม 1,053,000,000 เป็น 1,200,000,000 บาท) เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
  • บริษัท สิงหา แท็งเกอร์ จำกัด เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 238,000,000 บาท (จากเดิม 962,000,000 บาท เป็น 1,200,000,000 บาท) เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
  • Nathalin Shipping Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ จัดตั้งบริษัทย่อยในสาธารณรัฐปานามา ชื่อว่า “Amity Asset Management Inc.” ประกอบธุรกิจให้บริการเรือขนส่งน้ำมันทางเรือ ด้วยทุน จดทะเบียน 10,000 ดอลล่าร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2563
  • กลุ่มบริษัทฯ รับมอบเรือต่อใหม่ ขนาด 3,000 DWT จำนวน 1 ลำ ชื่อ “ศรีลำพู” ซึ่งเป็นเรือในธุรกิจ เรือขนส่งฯ เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของบริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ในประเทศ
  • บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศไทย ชื่อว่า “บริษัท ภูริช มารีน จำกัด” ประกอบธุรกิจให้บริการ เรือขนส่งน้ำมันทางเรือ ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 10,000 หุ้น มูลค่า หุ้นละ 100 บาท
  • บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ “ดีเลิศ” หรือ 5 ดาว เป็นปีที่สองต่อเนื่องกัน (2562 – 2563) จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน ประจำปี 2563 (CGR 2020) ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
  • บริษัท ภูริช มารีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท ไทยออยล์มารีน จำกัด จาก บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จำนวนทั้งสิ้น 97,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2563
2563
  • วันที่ 14 มกราคม 2564 บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท บิ๊กซี จำกัด ในช่วงที่ 2 เพิ่มเติมอีกจำนวนรวม 55,368 หุ้น รวมมูลค่า 200 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีส่วนได้เสียในบริษัท บิ๊กซี จำกัด เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 95.38
  • วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทย่อยใน British Virgin Islands ชื่อว่า “Protea Investments Group Limited” ประกอบธุรกิจให้บริการเรือขนส่งน้ำมันทางเรือ ด้วยทุนจดทะเบียน 10,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
  • วันที่ 1 เมษายน 2564 บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท บิ๊กซี จำกัด ในช่วงที่ 2 เพิ่มเติมอีกจำนวนรวม 16,632 หุ้น รวมมูลค่า 60 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีส่วนได้เสียในบริษัท บิ๊กซี จำกัด เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 99.99
  • วันที่ 30 เมษายน 2564 บริษัท ภูริช มารีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการบริษัท ไทยออยล์มารีน จำกัด (ปัจจุบันชื่อ “บริษัท ทรูธ มารีไทม์ จำกัด”) (“TM”) และบริษัทย่อย (“กลุ่ม TM”) เสร็จสิ้นสมบูรณ์ โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 860.49 ล้านบาท
  • เดือนเมษายน 2564 บริษัทฯ ขายเรือ “Darin Star” ซึ่งเป็นเรือขนาด VLCC ในธุรกิจขนส่งและจัดเก็บ FSU เพื่อปรับพอร์ตธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะความต้องการใช้เรือในตลาดที่ชะลอตัว
  • เดือนมิถุนายน 2564 บริษัทฯ ขายเรือ “Energy Star” ซึ่งเป็นเรือขนาด VLCC ในธุรกิจขนส่งและจัดเก็บ FSU เพื่อปรับพอร์ตธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะความต้องการใช้เรือในตลาดที่ชะลอตัว
  • เดือนกันยายน 2564 บริษัทฯขายเรือ “Jubilee Star” ซึ่งเป็นเรือขนาด VLCC ในธุรกิจขนส่งและจัดเก็บ FSU เพื่อปรับพอร์ตธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะความต้องการใช้เรือในตลาดที่ชะลอตัว
  • เดือนกันยายน 2564 บริษัทฯ ได้ซื้อเรือ “Phoenix Star” ซึ่งเป็นเรือขนาด VLCC ในธุรกิจขนส่งและจัดเก็บ FSU เพื่อทดแทนเรือลำเก่าที่มีอายุมากและขายออกไป
  • วันที่ 29 กันยายน 2564 บริษัท เอ็น.ที.แอล. มารีน จำกัด ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 350,000,000 บาท (จากเดิม 1,200,000,000 เป็น 1,550,000,000 บาท) เพื่อนำไปชำระเงินกู้ธนาคารและเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ต่อไป
  • บริษัทฯได้ซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ที.ไอ.เอ็ม. ชิพ แมนเนจเมนท์ จำกัด จำนวนรวม 10,002 หุ้น รวมมูลค่า 6.81 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯมีส่วนได้เสียในบริษัท ที.ไอ.เอ็ม. ชิพ แมนเนจเมนท์ จำกัด เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 100
2564
  • วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทย่อยในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ชื่อว่า “Premier Tanker Limited” ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งน้ำทางเรือระหว่างประเทศและจัดเก็บน้ำมัน โดยมีทุนจดทะเบียน 10,000 ดอลล่าสหรัฐ
  • วันที่ 18 พฤษภาคม 2565 บริษัท บิ๊กซี จำกัด จัดซื้อเรือ บีเอส เทพา เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
  • เดือนมิถุนายน 2565 บริษัท Protea Investments Group จำกัด ทำสัญญาเช่าระยะยาวและให้บริการเรือ ไทกา (VLCC ลำที่ 2)
  • เดือนมิถุนายน 2565 บริษัท Premier Tanker Limited จำกัด ได้ใช้สิทธิซื้อเรือขนาด VLCC ตามสัญญาแนบท้ายหลังจากหมดสัญญาให้บริการระยะยาว และนำมาให้บริการเป็นเรือ FSU ชื่อว่า “Harmony Star”
  • วันที่ 21 กรกฏาคม 2565 บริษัท ทรูธ มารีไทม์ เซอร์วิสเซส จำกัด เพิ่มทุน 230,000,000 บาท (จากเดิม 520,000,000 บาท เป็น 750,000,000 บาท) เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
  • วันที่ 15 สิงหาคม 2565 บริษัท บงกช มารีน จำกัด ขาย” MT Bongkot Star” ซึ่งเป็นเรือขนาด VLCC ในธุรกิจจัดส่งและจัดเก็บ FSU เนื่องจากครบสัญญาการให้บริการ
  • เดือนกันยายน 2565 ใช้สิทธิซื้อเรือขนาด VLCC ชื่อ “Ivory Star” ตามสัญญาแนบท้ายหลังจากหมดสัญญาให้บริการระยะยาว และทำการจำหน่ายออกเพื่อทำกำไรในช่วงสภาพตลาดซื้อขายเรือมือสองมีความเหมาะสม
  • เดือนกันยายน บริษัท Protea Investments Group จำกัด ทำสัญญาเช่าระยะยาวและให้บริการเรือ ทัมบะ (VLCC ลำที่ 3)
  • วันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 บริษัท ทรูธ มารีไทม์ เซอร์วิสเซส จำกัด เพิ่มทุน 150,000,000 บาท (จากเดิม 750,000,000 บาท เป็น 900,000,000 บาท) เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
  • บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ “ดีเลิศ” หรือ 5 ดาว เป็นปีที่สี่อย่างต่อเนื่อง จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน ประจำปี (CGR) ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
2565