การลงทุนในโครงการต่างๆ หรือการขยายธุรกิจของบริษัทฯ จะใช้เงินทุนมาจาก 2 แหล่ง ได้แก่ 1) เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และ 2) กำไรสะสมของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะบริหารต้นทุนทางการเงินในแต่ละโครงการลงทุน โดยพิจารณาสัดส่วนระหว่างหนี้สินและทุนให้เหมาะสม เพื่อรักษาระดับต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของบริษัทฯ (WACC) ให้อยู่ในระดับที่มีประสิทธิภาพสูงสุด มีสภาพคล่องเพียงพอและมีความมั่นคงทางการเงิน
บริษัทฯ ใช้วิธีการตัดค่าเสื่อมราคาแบบเส้นตรง โดยจะตัดค่าเสื่อมราคาจนถึงเรืออายุครบ 20-25 ปี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเทศที่ต่อเรือ
การลงทุนในเรือต่อใหม่ จะมีระยะเวลาคืนทุนประมาณ 8 ปี ในขณะที่การลงทุนซื้อเรือมือสอง จะมีระยะเวลาคืนทุนประมาณ 5 ปี
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ไม่ได้อ้างอิงตามดัชนีระวางเรือต่างๆ เนื่องจากการให้บริการส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เป็นการให้บริการภายในประเทศ ซึ่งอัตราค่าบริการเป็นการตกลงร่วมกันระหว่างบริษัทฯ และคู่ค้า ในขณะที่เรือในกลุ่มธุรกิจ COC และ กลุ่มธุรกิจ FSU จะใช้การเจรจาต่อรองกับลูกค้าเพื่อกำหนดอัตราค่าบริการ ซึ่งจะแตกต่างกันในลูกค้าแต่ละราย
การนำเรือเข้าอู่ซ่อมบำรุงตามมาตรฐานการให้บริการเรือขนส่งจะมีการซ่อมบำรุงจำนวน 2 ครั้งในทุกๆ รอบ 5 ปี ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
การซ่อมบำรุงแบบ Intermediate Survey ซึ่งคือหนึ่งในประเภทของการตรวจสอบเรือที่กำหนดโดยองค์กรจัดชั้นเรือ (Classification Society) และหน่วยงานกำกับดูแล เช่น IMO (International Maritime Organization) โดยจะเป็นการตรวจสอบเรือที่ดำเนินการระหว่างช่วงของการตรวจสอบใหญ่ (Special Survey) ซึ่งมักจะเกิดขึ้นทุก 2.5 ปี หลังจากการตรวจสอบใหญ่ครั้งล่าสุด
การซ่อมบำรุงแบบ Special Survey ซึ่งคือการตรวจสอบใหญ่ (Major Inspection) ที่ดำเนินการตามรอบระยะเวลา ทุก 5 ปี ตามข้อกำหนดขององค์กรจัดชั้นเรือ (Classification Society) เพื่อประเมินสภาพโดยรวมของเรือว่ามีความปลอดภัยและเหมาะสมในการใช้งาน ซึ่งจุดประสงค์หลักของ Special Survey คือการต่ออายุใบรับรองชั้นเรือ (Class Certificate) ซึ่งการซ่อมบำรุงแบบ Special Survey จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าและใช้ระยะเวลาในการซ่อมบำรุงยาวนานกว่า การซ่อมบำรุงแบบ Intermediate Survey แต่มีความจำเป็นเพื่อให้เรือยังคงได้รับอนุญาตให้ใช้งาน
การเข้าอู่ซ่อมบำรุงของเรือแต่ละประเภทมีระยะเวลาดังนี้
มี เนื่องจากบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐประมาณ 65% ของรายได้จากการให้บริการทั้งหมด จึงทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ปรับตัวตามการแข็งค่าหรืออ่อนค่าของอัตราแลกเปลี่ยน
ผลิตภัณฑ์ประเภทปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำเบนซิล น้ำมันดีเซล น้ำมันอากาศยาน Jet A1 เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์ประเภทเคมี ได้แก่ แนฟธา, พาราไซลีน, ไซโคลเฮกเซน, เมทธิล บิวทิล อีเธอร์ เป็นต้น